มาเก๊าไปเช้าเย็นกลับฉบับเร่งด่วน!!!

มาเก๊าไปเช้าเย็นกลับฉบับเร่งด่วน!!!

#Where To Go / Experience Macao Your Own Style

หนี ห่าววววววว ค่ะทุกคนนนนนนน 🙂 วันนี้มาทักทายเป็นภาษาจีนแมนดาริน หรือจะพูดแบบ เหนย์ โหววววววว แบบภาษาจีนกวางตุ้งกันบ้างนะคะ เนื่องจากว่าเรามีโอกาสที่จะต้องไปทำภาระกิจของสายมูฉบับเร่งด่วนแบบไปเช้าเย็นกลับน่ะค่ะ (เห็นไหมคะว่าด่วนจริงๆ ค่ะแม่!!!) ดังนั้นเลยถือโอกาสนี้แหละค่ะที่จะขอพาทุกๆ คนไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันเลยนะคะ ถึงจะเป็นช่วงกักตัวกันอยู่ แต่เราก็ยังไปเที่ยวมโนแบบนี้กันก่อนได้นะคะ 🙂

พูดสวัสดีเป็นภาษาจีนมาซะขนาดนี้ คงเดาได้ไม่ยากแล้วใช่ไหมคะ? ใบ้ให้อีกนิดว่า ที่ตั้งของเมืองดังกล่าวนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากฮ่องกงเท่าไรนัก แบบสามารถนั่งเรือเฟอร์รี่ไปกลับได้โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ นั่นก็คือออออออออ “มาเก๊า” นั่นเองค่าาาาาาาา 🙂

HISTORY

มาฟังประวัติความเป็นมาก่อนที่จะมาเป็นมาเก๊ากันสักนิดนะคะคุณ 🙂 เริ่มกันตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. 1550 มีชาวโปรตุเกสได้เดินทางมาโอหมูน (เมื่อก่อนมาเก๊าใช้ชื่อนี้ แปลว่า ประตูแห่งการค้าขาย ถูกเรียกขานมาจากกลุ่มของชาวประมงจากมณฑลฝูเจี้ยนและชาวนาจากมณฑลกวางตุ้งที่ได้เข้ามาตั้งรกรากเป็นกลุ่มแรกๆ ค่ะ) โดยคนในพื้นที่นี้เรียกเมืองของตนเองว่า อาม่าเก๊า แปลว่า สถานที่ของอาม่า เพื่อเป็นเกียรติให้กับเทพธิดาแห่งชาวเรือ ซึ่งมีวัดตั้งอยู่บริเวณทางเข้าท่าเรือด้านใน ดังนั้นชาวโปรตุเกสจึงได้นำชื่อดังกล่าวไปใช้ แล้วจึงค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นมาเก๊าในปัจจุบันนั่นแหละค่ะ หลังจากที่ได้รับอนุญาตจากทางขุนนางจีนในกวางตุ้งแล้วนั้น ชาวโปรตุเกสจึงได้ก่อตั้งเมืองนี้ขึ้นมาด้วยเวลาอันรวดเร็ว จนทำให้กลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญสำหรับทำการค้าระหว่างจีน ญี่ปุ่น อินเดียและยุโรป โดยมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการแบบยาวๆว่า “เขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน” ถือเป็นเขตปกครองพิเศษเช่นเดียวกับฮ่องกงค่ะ 🙂 (การสะกดชื่อภาษาอังกฤษของมาเก๊านั้นสามารถเขียนได้ 2 แบบนะคะ คือ MACAO และ MACAU แบบไหนก็ได้ไม่ผิดนาจาาา)

SCENERY

เราเดินทางออกจากสนามบินดอนเมือง มุ่งสู่มาเก๊าด้วยสายการบินแอร์เอเชียแต่เช้าตรู่ เนื่องจากว่าจะต้องรีบไปซื้อดอกไม้สด (ดอกลิลลี่เป็นช่อๆ อ่ะค่ะ) เพราะมีภาระกิจสำคัญในการไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณริมทะเลทางตอนใต้ของเมือง ประเด็นสำคัญคือเราไม่รู้เลยว่าที่นั่นมีตลาดดอกไม้สดแบบปากคลองตลาดเหมือนบ้านเราหรือเปล่า เลยต้องรีบไปให้ทันก่อนตลาดจะวาย (ถ้าไม่ทันเรานี่แหละที่จะวายป่วงแน่ๆ :)) แต่ก็ได้ทำการบ้านด้วยการค้นหาจากอากู๋แล้วก็ไม่พบแต่อย่างใด ต้องสอบถามผู้รู้นั่นก็คือผองเพื่อนที่ได้เคยไปทำธุรกิจที่นั่นบ่อยๆ แทนค่ะ

อย่าเพิ่งงงนะคะว่าทำไมเราไม่ซื้อดอกไม้สดจากที่กรุงเทพฯ เอาไปแทนล่ะ… โนวๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ได้นะคะแม่!!! สายการบินมีกฎว่าห้ามนำดอกไม้สดขึ้นเครื่องนะคะ เอาไปได้แต่ต้องโหลดไปค่ะ เนื่องจากเราไม่ได้ไปเที่ยวค้างคืนเราเลยจะต้องไปหาดอกไม้ที่นั่นแทนยังไงล่ะคะ สำคัญคือค่าโหลดมันแพงกว่าค่าดอกไม้อีกนะคะคุณ และเพื่อความแน่ใจเราเลยต้องโทรไปเช็คกับทาง การท่องเที่ยวมาเก๊าเพื่อความชัวร์ในการไปหาดอกไม้สดที่นั่น ซึ่งก็ได้รับคำตอบที่แน่ชัดว่ามีตลาดดอกไม้เล็กๆ อยู่ในเมืองค่าาาา Oh My God รอดแล้วเราาาา 🙂 (พิกัดตลาดดอกไม้สดชื่อว่า ย่าน ROTUNDA DE CARLOS DA MAIA บอกพี่แท็กซี่โลดไปเลยค่ะ)

หลังจากนั่งหลับๆ ตื่นๆ บนเครื่องประมาณสัก 2 ชั่วโมงครึ่ง เครื่องก็พร้อมแลนดิ้งสู่สนามบินมาเก๊าอย่างปลอดภัย เลยมีเวลาไปเดินเล่นดูถนนหนทางและบ้านเมือง รวมถึงวิถีชีวิตของชาวเมืองมาเก๊าอยู่นิดหน่อยก่อนจะไปถึงตลาดดอกไม้สดเล็กๆ น่ะค่ะ… บ้านเมืองเขามีเสน่ห์สะอาดเรียบร้อยดีนะคะ แต่เนื่องจากการเดินทางไปแต่ละที่ยังไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนักสำหรับนักท่องเที่ยว ที่จะต้องใช้บริการรถสาธารณะ เช่นรถเมล์ หรือรถแท็กซี่แทนค่ะ (ช่วงที่เดินทางไปนั้นประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน 2562 โดยรถไฟฟ้าของเขาอยู่ในระหว่างก่อสร้างและเปิดใช้เพียงบางเส้นทางก่อน ซึ่งเมื่อเดือนธันวาคม 2562 ได้เปิดใช้เพียงสาย Taipa Line ก่อนเท่านั่นค่ะ 🙁 ร้องไห้หนักมากกกกกกก )

ATTRACTIONS

มาถึงภาระกิจอันใหญ่หลวงของเราที่จะต้องไปไหว้ขอพรจากองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมที่ตั้งตระหง่าน ณ ริมทะเลบริเวณ Outer Harbour เพียงแค่โชว์รูปให้พี่แท็กซี่ดูแป๊ปเดียวไม่เกิน 15 นาทีจากตลาดดอกไม้ก็จะถึง Kun Iam Statue หรือศูนย์ส่งเสริมศาสนาเจ้าแม่กวนอิมค่ะ หลังจากไหว้ด้วยดอกลิลลี่สีขาวที่เราได้ซื้อมาและขอพรเสร็จ แต่มีเคล็ดลับนิดนึงนะคะว่า จะต้องเดินหาจุดรับพลังจักรวาลที่ซ่อนอยู่ในบริเวณดังกล่าวถึง 3 จุดด้วยกันค่ะ คือด้านหน้าระหว่างทางเดิน 1 จุด ด้านหลัง 1 จุด และด้านในอีก 1 จุดค่ะ โดยจุดรับพลังจะมีสัญลักษณ์เป็นเลข 8 หรือ Infinity หากใครหาพบทั้ง 3 จุด เชื่อกันว่าจะทำให้โชคดีอย่างไม่มีที่สิ้นสุดด้วยนะเออออออ 🙂 (จากรูปด้านบนมีให้เห็นแล้วนะคะ 1 จุด ที่เหลือลองหาดูน้าาาาา) ส่วนด้านในก็จะมีรูปจำลองขององค์ท่านในสัดส่วนเสมือนจริงเพียงแต่ย่อส่วนลงมา และนำมาประดิษฐานไว้ด้านล่างของศูนย์ฯ ค่ะ

ไปต่อกันอีกค่ะ สำหรับการไปไหว้ขอพรเรายังไม่จบง่ายๆ ค่ะ นี่ก็เกือบจะเย็นแล้วเราต้องรีบกันนิดนึงนะคะ เพราะกลัวว่าวัดเขาจะปิดไปซะก่อน เราบอกพี่แท็กซี่ว่าไป วัดเจ้าแม่กวนอิม หรือ Kun Iam Temple จากนั้นไม่น่าจะเกิน 20 นาที (รถค่อนข้างติดนิดนึงค่ะ) เราก็มาถึงวัดโดยปลอดภัยและยังทันที่จะไหว้ขอพร เอาล่ะเริ่มเลยค่ะ เดินเข้าไปในวัดเราก็จะเห็นว่าเขาแบ่งการประดิษฐานไว้ 3 จุด แม่เจ้า!!! ด้วยความไม่รู้แต่ยังพอมีบุญหลงเหลืออยู่เลยเดินเข้าไปทางด้านซ้ายสุดของวัด เนื่องจากภายในนั้นไม่ได้มีป้ายหรือสัญลักษณ์ใดๆ บอกไว้ว่าองค์เจ้าแม่กวนอิมตั้งอยู่หนใดน่ะค่ะ สุดท้ายก็เจอท่านค่ะและได้กราบขอพรสมใจเรียบร้อยโรงเรียนมาเก๊านาจาาาาาา 🙂

หลังจากนั้นเราก็เดินทางด้วยพี่แท็กซี่เช่นเดิมค่ะ โดยเข้ามายังสถานที่อันถือเป็นสัญลักษณ์ประจำมาเก๊าเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ โบสถ์เซนต์ปอล หรือ Ruins of Saint Paul’s ค่ะ ซึ่งถือเป็นซากของโบสถ์คาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียเลยนะคะแม่!!! แต่เนื่องจากถูกไฟไหม้และพายุใต้ฝุ่นถล่มจนทำให้เหลือเพียงซากของประตูโบสถ์ที่สวยงามและอลังการให้เราได้ชมกันมาจนถึงทุกวันนี้น่ะค่ะ 🙂 ช่วงที่เราเดินทางไปนั้นเป็นวันหยุด Weekend เลยทำให้มีนักท่องเที่ยวรวมเดินทางมาถ่ายรูปกันอย่างมากมายยังกะมดเลยหละค่ะ ที่สำคัญคือเรามาถึงตอนเย็นแล้วด้วยน่ะค่ะ เพราะคิดว่ามันคงไม่ร้อนมากแล้วก็จะได้ถ่ายรูปออกมาสวยด้วยแหละคุณ

EVENING

ปิดท้ายของทริปนี้ด้วยการเดินชมแสงไฟยามค่ำคืนแถว เซนาโด สแควร์ หรือ Senado Square เปรียบเสมือนสยามสแควร์ของบ้านเรานั่นแหละค่ะแม่!!! เป็นย่านช้อปปิ้งแหล่งรวมของแบรนด์และร้านค้าของฝากมากมายให้เราได้ล้มละลายก่อนจะบินกลับกัน รวมถึงมีร้านกาแฟน่ารักๆ ให้เราได้แวะดื่มด่ำกันจนอิ่มอกอิ่มใจอีกด้วยค่าาาาา… ว่าแล้วเราขอตัวไปช้อปปิ้งก่อนขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ ในคืนนี้กันก่อนนะคะคุณ… ไปละน้าาาา ฟิ้วววววววว… 🙂

Loading